
9 Songs (2004)
(บรรยายอังกฤษ)
กำกับโดย: Michael
Winterbottom
แนว: อีโรติก,
ดราม่า, เพลง
สัญชาติ: อังกฤษ
แสดงนำโดย:
Kieran O''Brien
... Matt
Margo Stilley ... Lisa
Runtime:71 min
Rated +18
หนังอังกฤษที่โป้ที่สุดเรื่องนึง เรื่องของ2หนุ่มสาวที่ไปดูคอนเสิร์ต
แล้วมีเซ็กส์กัน หนังพาเราไปดูคอนเสิร์ต 9เพลง สลับกับฉากเซ็กส์ ของทั้งคู่
ที่สมจริงมาก เล่นจริง เจ็บจริง
In London,
England, love blooms between an American college student, named Lisa, and a
British glaciologist,
named Matt, where
over the next few months in between attending rock concerts, the two lovers have
intense
sexual encounters
Matt, a young glaciologist, soars across the vast, silent, icebound immensities
of the South Pole as he recalls
his love affair
with Lisa. They meet at a mobbed rock concert in a vast music hall--London''s
Brixton Academy.
They are in bed at
night''s end. Together, over a period of several months, they pursue a mutual
sexual
passion whose inevitable stages unfold in counterpoint to nine live-concert
songs.
รางวัลที่ได้รับ Awards
Golden Trailer Awards 2006
-Nominated Best Foreign Romance Trailer
San Sebastián International Film Festival 2004
-Best Cinematography -Marcel Zyskind
-Nominated Golden Seashell -Michael Winterbottom

ฉากเปลือยกับหนังยุโรปไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมต่อกัน
การปรากฏฉากสังวาสในหนังศิลปะก็นับว่าอยู่ภายใต้บริบทที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ
กระนั้น
ไม่ว่าหญิงและชายจะเปิดเผยร่างกายตนเองมากแค่ไหน
หรือฉากเซ็กซ์จะชัดแจ้งจริงจังเพียงใด
ด้วยท่วงท่าพันลึกอย่างไร
เงื่อนไขหนึ่งซึ่งผู้สร้างหนังจะไม่ก้าวข้ามไปคือ
การ
"ล่วงล้ำ"
จริงผ่านจอ
จนเกินกว่ามายาของการแสดง
ปี 2000 Baise-moi
หนังฝรั่งเศสที่ถูกโฆษณาเกินจริงว่าเป็น
Thelma & Louise
ฉบับดิบเถื่อน
ได้ก้าวข้ามเงื่อนไขดังกล่าว
ด้วยการให้ผู้แสดงมีอะไรกันจริงๆ
แม้หนังจะสวมเสื้อหนังยุโรปอยู่เต็มคราบ
อาศัยเกาะกลุ่มหนังอาร์ตไปฉายในเทศกาลหนังหลายแห่งทั่วโลก
แต่เสียงตอบรับจากสารทิศล้วนแต่เป็นไปในทางก่นด่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หนังไม่ได้มีแค่ฉากเซ็กซ์โจ๋งครึ่มเท่านั้น
ยังมีภาพความรุนแรงที่ยากจะรับได้
แต่ถึงอย่างไร
Baise-moi
ยังมีข้อยกเว้นให้ทำความเข้าใจได้คือ
2
สาวที่ร่วมกำกับ-เขียนบทหนังเรื่องนี้
คนหนึ่งเคยเป็นดาราหนังโป๊
ส่วนอีกคนคืออดีตโสเภณี
...เรียกว่าอดีตสะท้อนปัจจุบันก็คงได้

สำหรับ 9 Songs
หนังสัญชาติอังกฤษ
เป็นรายล่าสุดที่ปรากฏภาพการ
"ล่วงล้ำ" จริงๆ
ของผู้แสดง
แม้จะมีแค่ฉากเดียว
แต่ก็เป็นหนึ่งฉากท่ามกลางฉากเปลือยและฉากเซ็กซ์อื่นๆ
ตลอดทั้งเรื่อง
แน่ล่ะ เรตเอ็กซ์
หรือห้ามผู้อายุต่ำกว่า
18 ปี เข้าชม
เป็นเรตที่หนังต้องน้อมรับโดยดุษณี
แต่คำถามคือหนังเรื่องนี้ควรจะได้รับการยอมรับอย่างไร
ถูกจัดเข้ากลุ่มหนังโป๊หรือไม่
หรือถือเป็นหนังศิลปะเรื่องหนึ่ง
ในเมื่อมีข้อแม้สำคัญประการหนึ่งผูกคอหนังไว้
นั่นคือ
นี่เป็นผลงานของผู้กำกับหนังชื่อชั้นดีอย่าง
ไมเคิล
วินเทอร์บอตทอม
ที่เคยมีงานระดับรางวัลหลายต่อหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็น Welcome
to Sarajevo(1997)
Wonderland (1999) In
This World(2002)
รวมทั้ง 24 Hour
Party People (2002)
9 songs
คือห้วงคำนึงของแมตต์
หนุ่มนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษซึ่งกำลังสำรวจธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้
สภาพหนาวเหน็บ
ไร้ผู้คน
นำพาความเหงาเข้าสู่จิตใจ
เขาย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาสั้นๆ
ที่ได้มีความสัมพันธ์กับลิซ่า
หญิงสาวนักศึกษาวัย
21 ปี ชาวอเมริกัน
ความสัมพันธ์แนบแน่นฝังลึกในความทรงจำเริ่มขึ้นเมื่อทั้งสองพบกันในคอนเสิร์ตวงร็อค
ก่อนจะกลับมาร่วมรักอย่างเผ็ดร้อน
จากนั้นกิจวัตรของแมตต์กับลิซ่าที่เราเห็นตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
คือการร่วมรักสลับกับการไปดูคอนเสิร์ต
สอดแทรกด้วยบทสนทนาไร้แก่นสารเป็นระยะ
ชื่อ 9 songs
ก็คือคลิปคอนเสิร์ต 9
เพลง
ที่นำมาใส่แทรกไว้ในหนัง
ไล่ตามลำดับคือ
1.Whatever happened
to my rock and roll
ของ Black Rebel
Motorcycle Club
2.C"Mon, C"Mon ของ
Von Bondies 3.Fallen
angel/Elbow 4.Movin"
on up /Primal Scream
5.You were the last
high /Dandy Warhols
6.Slow life/Super
Furry Animals
7.Jacqueline /Franz
Ferdinand 8.Nadia
/Michael Nyman และ
9.Love burns /Black
Rebel Motorcycle
Club
9
คอนเสิร์ตในความทรงจำ
กับ 9
เพลงที่สอดรับกับเรื่องราวระหว่างเขาและเธอ
ตั้งแต่การเปลื้องเปลือยกันและกันในเพลงแรก
กระชับใกล้ชิดขึ้นในเพลงที่
4
แปลกแยกต่อกันในเพลงที่
6
ฉลองความสัมพันธ์ในเพลงที่
8
และจากกันในเพลงสุดท้าย
"Never thought I"d
see her go
away...Now she"s
gone love burns
inside me..."
คือเนื้อเพลง Love
burns
เพลงสุดท้ายจากคอนเสิร์ตที่แมตต์ต้องไปดูตามลำพัง
เป็นความรักที่เผาไหม้อยู่ภายใน
จนเขาต้องระหกระเหินไปดับความร้อนรุ่มด้วยอากาศหนาวเหน็บที่ขั้วโลกใต้
จากเรื่องราวดังกล่าว
ทำให้ 9 Songs
มีเนื้อหา-อารมณ์แบบหนังโรแมนติค-ดราม่า
เกี่ยวกับการพบและพลัดพราก
ราวกับ Before
Sunrise(1995)
ที่บทสนทนาคมๆ
ถูกแทนที่ด้วยบทอีโรติคเต็มพิกัด

ส่วนบรรยากาศโดยรวม
หนังอ้างอิงที่ใกล้เคียงคือ
Last Tango in
Paris(1972)
ว่าด้วยความสัมพันธ์ของหนุ่มใหญ่-หญิงสาวในห้องพัก
โดยสามารถเทียบเคียงกันได้ตรงรูปแบบการนำเสนอภาพความสัมพันธ์ของคน
2 คน ทั้งการจัดแสง
องค์ประกอบฉากสีทึบทึม
จังหวะเคลื่อนไหวเนิบช้าของตัวละคร
พัฒนาการความสัมพันธ์ที่ไม่คืบหน้า
และบทสนทนาที่ไม่เปิดเผยตัวตนต่อกันเท่าไรนัก
หากว่ากันเฉพาะอารมณ์โหยหาของตัวละครอันเกิดจากความสัมพันธ์ที่ต้องพลัดพราก
ถือว่า 9 Songs
สื่อออกมาได้ดีพอสมควร
หนังใช้ฉากขั้วโลกใต้ที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลนของหิมะอันเย็นยะเยือก
ประกอบคำพูดของตัวละครเกี่ยวกับสภาพอากาศ
ภูมิประเทศ
แม้กระทั่งประวัติยาวนานของก้อนน้ำแข็งแห่งแอนตาร์กติก
เปรียบเทียบกับความสัมพันธ์อันงดงามที่ต้องจบลงด้วยความเศร้า
ด้วยความโดดเด่นตรงจุดนี้
หากฉากรักที่ใส่ลงไปไม่โลดโผนจนเกินรับ
ภาพรวมของหนังก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดี
แต่เพราะฉากเซ็กซ์อันมากมายแทบไม่ทิ้งช่วง
ทั้งฉากโอษฐกามของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
การหลั่งภายนอก
กระทั่งภาพที่เห็นว่าผู้แสดง
"ล่วงล้ำ" กันจริง
ซึ่งถือว่าเป็นการนำเสนอที่เกินกว่าเหตุ
ทำให้เรื่องราว-อารมณ์อันเป็นแก่นแกนหลักถูกกลบกลืนไปเสียหมด
แม้ทุกฉากที่ว่าจะถ่ายทอดอย่างงดงาม
ไม่ดูอุจาดแบบหนังโป๊
แต่การเปิดเผยที่มากเกินไปได้ข้ามเส้นความเหมาะควรไปไกลแล้ว
อย่างไรก็ตาม
ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือทรรศนะอันวางไว้บนบรรทัดฐาน
ณ เวลาปัจจุบัน
หากย้อนไปดูในอดีต
วงการหนังเคยประณามแม้กระทั่งการเปิดเผยร่องอกและขาอ่อนของนักแสดง
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับทุกวันนี้
ถือว่าบรรทัดฐานของหนังได้เดินทางมาไกลจากจุดนั้นมากมายนัก
ดังนั้น
ปัจจุบันจะว่ากันอย่างไร
เซ็กซ์ใน 9 Songs
คงต้องให้อนาคตตัดสินอีกที
ที่มา:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aloneagain&month=05-2006&date=21&group=2&gblog=4
|
|
|
|
|
|